วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ประวัติ อีฟส์ แซ็งต์ ลอร็องต์



 อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ YSL ดีไซเนอร์




อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ดีไซเนอร์สัญชาติฝรั่งเศส มีชื่อเต็มว่า Yves Henri Donat Dave Mathieu-Saint-Laurent
เกิด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1936 ใน Oran ในแอลจีเรีย

เส้นทางสู่การเป็นดีไซเนอร์ ชื่อก้องของ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ เริ่มขึ้นเมื่อเขามีอายุเพียง 17 ปี กับแบรนด์ดังอย่าง Christian Dior

ภายหลังจาก Christian Dior เสียชีวิต ใน ปี ค.ศ. 1957 ธุรกิจของแบรนด์ Dior ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ขณะนั้น อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ มีอายุเพียง 22 ปี ได้ช่วยกอบกู้กิจการของ Dior ไว้ได้

ภายหลังจากประสบความสำเร็จทางแฟชั่นได้ไม่นาน อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ได้ผันตัวเข้ารวมรบในสงครามประกาศอิสรภาพของ แอลจีเรีย ในระยะเวลาเพียง 20 วันในสมรภูมิ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ รับสภาวะตึงเครียดอย่างหนักไม่ได้ จนต้องเข้ารับการรักษาทางจิตเวช จนถึงขนาดต้องใช้กระแสไฟฟ้าช็อต เพื่อรักษาอาการทางประสาท
ในปี ค.ศ. 1962 อาการป่วยเริ่มทุเลา อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ เริ่มทำธุรกิจแฟชั่นของตัวเองกับ Pierre Bergé คนรักของเขาเอง ภายใต้แบรนด์ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ “YSL” ซึ่งถึงแม้ต่อมาภายหลังจะเลิกรากันไป แต่ก็ยังคงเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันอยู่
ในยุค 60 – 70 แบรนด์ “YSL” โด่งดังถึงขีดสุดด้วย การเป็นผู้นำทางแฟชั่น ด้วยเทรนด์ the beatnik look เสื้อแจ๊คเก็ตลายซาฟารี กางเกงเอวสูงฟิตเปรี๊ยะ รองเท้าบู๊ทปิดแข้ง และ ปรากฏการณ์ใหม่ในประวัติศาสตร์ทางแฟชั่นกับเสื้อสูท ทักซิโด้สำหรับผู้หญิง ในปี 1966 หรือ Le Smoking suit ซึ่งได้ไอเดียจากยุค 20 – 40

อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ และ Rive Gauche ปฏิวัติวงการแฟชั่นในปี 1966 ด้วยการสร้างแฟชั่น ready-to-wear จนถึงขั้นฮิตกันไปทั่ว

 อีกทั้งยังเป็นดีไซเนอร์คนแรกที่จ้างนางแบบผิวสีเดินแบบในแฟชั่นโชว์ของตัวเอง อย่าง Loulou de la Falaise,Betty Catroux,Talitha Pol-Getty,Catherine Deneuve,และ Katoucha Niane และในช่วงรอยต่อของ 70 เชื่อมกับ 80 ต้นๆ เสื้อผ้าของ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ก็ได้ติดตลาด เป็นที่นิยมของเหล่าชนชั้นสูง

อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ เป็นดีไซเนอร์ที่ยังมีชีวิตอยู่คนแรกที่ได้รับรางวัลจาก the Metropolitan Museum of Art ในปี 1983
ในปี 2001 อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ได้รับยศ จาก ประธานาธิบดีประเทศฝรั่งเศส นาย ชาร์ค ชีรัค

จนเมื่อปี 2002 อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ได้ปลดเกษียณตัวเอง ออกจากวงการแฟชั่น และใช้ชีวิตที่ Marrakech ใน Morocco จนกระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2008 ในบ้านของเขาเองในกรุงปารีส ด้วยอายุ 71 ปี จากอาการป่วยเรื้อรัง

ผลงานในการปฎิวัติวงการแฟชั่นของเขา ได้แก่
การพยายามผสมผสานวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวบ้านเข้ากับวัฒนธรรมการแต่งกายของชนชั้นสูงแบบโอต
์ กูตูร์ ความคิดแหวกแนวดังกล่าวนี้เป็นเหตุให้เขาถูกให้ออกจากห้องเสื้อโอต์ กูตูร์ ของChristian Dior ในปีค.ศ. 1960
เป็นผู้ออกแบบเสื้อคอเต่า (Turtleneck) และเสื้อแจ็กเก็ตสําหรับขี่รถจักรยานยนต์ และ Bubble Skirts
เป็นผู้นำในการออกแบบชุดทักซิโด และชุดกางเกงทำงานสําหรับผู้หญิงซึ่งเป็นภาพที่ยังไม่เคยมีปรากฏในสมัยนั้น ถึงขนาดที่ในปีค.ศ. 1968 เมื่อแนน เคมป์เนอร์ (Nan Kempner) สาวสังคมอเมริกันเดินถูกห้ามเข้าภัตตาคารเริ่ดหรูในนิวยอร์คเพราะสวมกางเกง YSL!
ในปีค.ศ. 1967 แซ็งต์ ลอร็องต์ ช็อควงการบันเทิงด้วยการออกแบบคอสตูมที่ดูคล้ายกับชุดทหารให้กับแคธเธอรีน เดอนูฟ ในภาพยนตร์เรื่อง Bell de Jour ชุดของเขาถูกมองว่าเป็นสิ่งแปลกประหลาดและผิดยุคมากในสมัยนั้นที่ผู้หญิงจะลุกขึ้นมาแต่งตัวในรูปแบบเดียวกับผู้ชาย
การออกแบบชุด See Through ของเขาในปีค.ศ. 1968 ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สําคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์แฟชั่น
แซ็งต์ ลอร็องต์เป็นทั้งบิดาแห่งเมโทรเซ็กซวลและตัวป่วนวงการแฟชั่นแห่งยุคสมัย ในการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรี แซ็งต์ ลอร็องต์พยายาม ทําให้สตรีมีความเป็นบุรุษ แต่ในการออกแบบเครื่องแต่งกายบุรุษ แซ็งต์ ลอร็องต์กลับพยายามทําให้บุรุษมีความเป็นสตรี
เช่น นำผ้ากํามะหยี่มาใช้ในการตัดชุดผู้ชาย ใช้ผ้าไหมหลากสีเป็นผ้าพันคอสำหรับผู้ชาย กระบวนการที่กลับกันในการออกแบบของเขาถือเป็นต้นแบบของการออกแบบเครื่องแต่งกายที่ไม่จําแนกเพศ (Uni-sex Dress)
นอกจากนี้เขายังทําลายปราการเหยียดผิวในธุรกิจแฟชั่น โดยการริเริ่มให้นางแบบผิวดําเดินแฟชั่นโชว์ ทำให้นางแบบผิวดำและนางแบบผิวสีต่างๆ ได้มีโอกาสแจ้งเกิดบนเวทีแฟชั่นระดับโลก จากเดิมที่จำกัดเฉพาะคนขาวเท่านั้น
ในปีค.ศ.1996 เขาได้ริเริ่มการจัดแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าโอต์ กูตูร์ที่มีการถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เนท

Brand สินค้า

                                                        


อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ดีไซเนอร์สัญชาติฝรั่งเศส มีชื่อเต็มว่า Yves Henri Donat Dave Mathieu-Saint-Laurent
เกิด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1936 ใน Oran ในแอลจีเรีย

เส้นทางสู่การเป็นดีไซเนอร์ ชื่อก้องของ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ เริ่มขึ้นเมื่อเขามีอายุเพียง 17 ปี กับแบรนด์ดังอย่าง Christian Dior

ภายหลังจาก Christian Dior เสียชีวิต ใน ปี ค.ศ. 1957 ธุรกิจของแบรนด์ Dior ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ขณะนั้น อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ มีอายุเพียง 22 ปี ได้ช่วยกอบกู้กิจการของ Dior ไว้ได้

ภายหลังจากประสบความสำเร็จทางแฟชั่นได้ไม่นาน อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ได้ผันตัวเข้ารวมรบในสงครามประกาศอิสรภาพของ แอลจีเรีย ในระยะเวลาเพียง 20 วันในสมรภูมิ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ รับสภาวะตึงเครียดอย่างหนักไม่ได้ จนต้องเข้ารับการรักษาทางจิตเวช จนถึงขนาดต้องใช้กระแสไฟฟ้าช็อต เพื่อรักษาอาการทางประสาท
ในปี ค.ศ. 1962 อาการป่วยเริ่มทุเลา อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ เริ่มทำธุรกิจแฟชั่นของตัวเองกับ Pierre Bergé คนรักของเขาเอง ภายใต้แบรนด์ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ “YSL” ซึ่งถึงแม้ต่อมาภายหลังจะเลิกรากันไป แต่ก็ยังคงเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันอยู่
ในยุค 60 – 70 แบรนด์ “YSL” โด่งดังถึงขีดสุดด้วย การเป็นผู้นำทางแฟชั่น ด้วยเทรนด์ the beatnik look เสื้อแจ๊คเก็ตลายซาฟารี กางเกงเอวสูงฟิตเปรี๊ยะ รองเท้าบู๊ทปิดแข้ง และ ปรากฏการณ์ใหม่ในประวัติศาสตร์ทางแฟชั่นกับเสื้อสูท ทักซิโด้สำหรับผู้หญิง ในปี 1966 หรือ Le Smoking suit ซึ่งได้ไอเดียจากยุค 20 – 40

อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ และ Rive Gauche ปฏิวัติวงการแฟชั่นในปี 1966 ด้วยการสร้างแฟชั่น ready-to-wear จนถึงขั้นฮิตกันไปทั่ว

 อีกทั้งยังเป็นดีไซเนอร์คนแรกที่จ้างนางแบบผิวสีเดินแบบในแฟชั่นโชว์ของตัวเอง อย่าง Loulou de la Falaise,Betty Catroux,Talitha Pol-Getty,Catherine Deneuve,และ Katoucha Niane และในช่วงรอยต่อของ 70 เชื่อมกับ 80 ต้นๆ เสื้อผ้าของ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ก็ได้ติดตลาด เป็นที่นิยมของเหล่าชนชั้นสูง

อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ เป็นดีไซเนอร์ที่ยังมีชีวิตอยู่คนแรกที่ได้รับรางวัลจาก the Metropolitan Museum of Art ในปี 1983
ในปี 2001 อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ได้รับยศ จาก ประธานาธิบดีประเทศฝรั่งเศส นาย ชาร์ค ชีรัค

จนเมื่อปี 2002 อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ได้ปลดเกษียณตัวเอง ออกจากวงการแฟชั่น และใช้ชีวิตที่ Marrakech ใน Morocco จนกระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2008 ในบ้านของเขาเองในกรุงปารีส ด้วยอายุ 71 ปี จากอาการป่วยเรื้อรัง

ผลงานในการปฎิวัติวงการแฟชั่นของเขา ได้แก่
การพยายามผสมผสานวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวบ้านเข้ากับวัฒนธรรมการแต่งกายของชนชั้นสูงแบบโอต
์ กูตูร์ ความคิดแหวกแนวดังกล่าวนี้เป็นเหตุให้เขาถูกให้ออกจากห้องเสื้อโอต์ กูตูร์ ของChristian Dior ในปีค.ศ. 1960
เป็นผู้ออกแบบเสื้อคอเต่า (Turtleneck) และเสื้อแจ็กเก็ตสําหรับขี่รถจักรยานยนต์ และ Bubble Skirts
เป็นผู้นำในการออกแบบชุดทักซิโด และชุดกางเกงทำงานสําหรับผู้หญิงซึ่งเป็นภาพที่ยังไม่เคยมีปรากฏในสมัยนั้น ถึงขนาดที่ในปีค.ศ. 1968 เมื่อแนน เคมป์เนอร์ (Nan Kempner) สาวสังคมอเมริกันเดินถูกห้ามเข้าภัตตาคารเริ่ดหรูในนิวยอร์คเพราะสวมกางเกง YSL!
ในปีค.ศ. 1967 แซ็งต์ ลอร็องต์ ช็อควงการบันเทิงด้วยการออกแบบคอสตูมที่ดูคล้ายกับชุดทหารให้กับแคธเธอรีน เดอนูฟ ในภาพยนตร์เรื่อง Bell de Jour ชุดของเขาถูกมองว่าเป็นสิ่งแปลกประหลาดและผิดยุคมากในสมัยนั้นที่ผู้หญิงจะลุกขึ้นมาแต่งตัวในรูปแบบเดียวกับผู้ชาย
การออกแบบชุด See Through ของเขาในปีค.ศ. 1968 ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สําคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์แฟชั่น
แซ็งต์ ลอร็องต์เป็นทั้งบิดาแห่งเมโทรเซ็กซวลและตัวป่วนวงการแฟชั่นแห่งยุคสมัย ในการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรี แซ็งต์ ลอร็องต์พยายาม ทําให้สตรีมีความเป็นบุรุษ แต่ในการออกแบบเครื่องแต่งกายบุรุษ แซ็งต์ ลอร็องต์กลับพยายามทําให้บุรุษมีความเป็นสตรี
เช่น นำผ้ากํามะหยี่มาใช้ในการตัดชุดผู้ชาย ใช้ผ้าไหมหลากสีเป็นผ้าพันคอสำหรับผู้ชาย กระบวนการที่กลับกันในการออกแบบของเขาถือเป็นต้นแบบของการออกแบบเครื่องแต่งกายที่ไม่จําแนกเพศ (Uni-sex Dress)
นอกจากนี้เขายังทําลายปราการเหยียดผิวในธุรกิจแฟชั่น โดยการริเริ่มให้นางแบบผิวดําเดินแฟชั่นโชว์ ทำให้นางแบบผิวดำและนางแบบผิวสีต่างๆ ได้มีโอกาสแจ้งเกิดบนเวทีแฟชั่นระดับโลก จากเดิมที่จำกัดเฉพาะคนขาวเท่านั้น
ในปีค.ศ.1996 เขาได้ริเริ่มการจัดแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าโอต์ กูตูร์ที่มีการถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เนท

สินค้า









เมื่อเอ่ยถึงอีฟส์ แซ็งต์ ลอร็องต์ เรามักจะนึกถึงชุด Safari ชุดซีทรู สูทจับสม็อคทั้งตัว ชุดแจ็กเก็ตหนังสีดํา และผลิตภัณฑ์สวยหรภายใต้สัญลักษณ์ YSL ของเขา ที่มีตั้งแต่เสื้อผ้า น้ำหอม ปากกา ผ้าห่ม ไปจนถึงบุหรี่ แต่อีฟส์ แซ็งต์ ลอร็องต์เป็นมากกว่านั้น นอกเหนือไปจากความโดดเด่นในการเป็นนักออกแบบมืออาชีพ เขายังเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นของฝรั่งเศสและของโลกอย่างมากในฐานะนักปฏิวัติแห่งวงการแฟชั่นที่พลิกรูปแบบแฟชั่นในแบบดั้งเดิมให้มีสีสันและรูปแบบดังที่ปรากฏให้เห็นกันในปัจจุบัน ผลงานของเขานั้นไม่ได้มีอิทธิพลจํากัดเฉพาะในฝรั่งเศสเท่านั้น แต่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการแต่งกายทั่วโลก  ผลงานเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าอีฟส์ แซ็งต์ ลอร็องต์ เป็นนักออกแบบเครื่องแต่งกายผู้มาก่อนกาล โดยยึดแนวความคิดเสรีนิยมในการออกแบบ ซึ่งเป็นแนวคิดที่จัดว่าล้ำกว่าสมัยมากในยุคของเขา ผลงานของแซ็งต์ ลอร็องต์จึงเป็นงานที่ได้รับทั้งกระแสความชื่นชมและต่อต้านไปในขณะเดียวกัน แต่ในปัจจุบัน กาลเวลาได้พิสูจน์ให้เราทุกคนเห็นแล้วว่าเขาเป็นนักออกแบบตัวจริง ที่มีทั้งศิลปะในการออกแบบและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลอย่างที่นักบริหารควรมี

แนวคิดในการออกแบบ



แซ็งต์ ลอร็องต์ เป็นนักออกแบบเครื่องแต่งกายผู้มาก่อนกาล โดยยึดแนวความคิดเสรีนิยมในการออกแบบ ซึ่งเป็นแนวคิดที่จัดว่าล้ำกว่าสมัยมากในยุคของเขา ผลงานของแซ็งต์ ลอร็องต์จึงเป็นงานที่ได้รับทั้งกระแสความชื่นชมและต่อต้านไปในขณะเดียวกัน แต่ในปัจจุบัน กาลเวลาได้พิสูจน์ให้เราทุกคนเห็นแล้วว่าเขาเป็นนักออกแบบตัวจริง ที่มีทั้งศิลปะในการออกแบบและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลอย่างที่นักบริหารควรมี
ในด้านหนึ่ง แซ็งต์ ลอร็องต์เสริมความสง่าให้สตรีด้วยเครื่องแต่งกายบุรุษ ดังเช่นด้วยท่าทางอันกระฉับกระเฉง และกลายเป็นภาพคุ้นตาในปัจจุบัน จนนักวิเคราะห์แฟชั่นถึงกับเสนอบทวิเคราะห์พัฒนาการของแฟชั่นว่า โคโค ชาแนลช่วยปลดปล่อยร่างกายสตรีให้เป็นอิสระ ในขณะที่แซ็งต์ ลอร็องต์เสริมอํานาจสตรีด้วยเครื่องแต่งกายบุรุษ กล่าวคือ เขาออกแบบเครื่องแต่งกายเพื่อเสริมความงามของผู้หญิง และเปิดโอกาสให้ผู้หญิงสามารถโชว์ความงามของเรือนร่างได้
ในเดือนมกราคม ปีค.ศ. 2002 ขณะที่ลอร็องต์มีอายุได้ 65 ปี เขาได้ประกาศอำลาวงการแฟชั่นอย่างเป็นทางการ และได้กล่าวขอบคุณคริสติออง ดิออร์ บาลองซิเอก้า และชาแนล สำหรับคุณานุปการที่มีต่อผลงานของเขา และได้ให้เหตุผลในการอำลาวงการแฟชั่นว่า ลอร็องต์บอกว่าเขารู้สึกแปลกแยกและเอียนเต็มทีกับวงการแฟชั่นในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับผลตอบแทนทางธุรกิจมากกว่า “ศิลปะ”

งานแฟชั่นโชว์ครั้งสุดท้ายของแซ็งต์ ลอร็องต์ Haute Couture จบลงอย่างอลังการ ด้วยน้ำตาแห่งความปรีดาและเสียงเพลง “Ma Plus Belle Histoire d'Amour” โดยแคธเธอรีน เดอนูฟ ณ Centre Georges Pompidou Art Gallery นครปารีส เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2545

แรงบันดาลใจในการออกแบบ



จู่ๆ เด็กผู้ชายคนหนึ่งจะโตขึ้นมาเป็นนักออกแบบพรสวรรค์และมือฉกาจขึ้นมาได้ มันต้องมีแรงบันดาลใจสักอย่างสิ ลองอ่านประวัติของอีฟว์ จะรู้ว่า เมื่อเล็กๆ ชอบเอากระดาษมาตัดเป็นเสื้อผ้าตุ๊กตาให้น้องสาวสองคนเล่นเป็นที่บันเทิงตั้งแต่อายุ ๑๒ ขวบ
หนึ่งปีจากนั้น ครอบครัวเคยพาไปดูละครของโมลิแยร์ เรื่อง l ecole des femmes ที่บ้านเกิด คือเมืองOran ในแอลจีเรีย  วันนั้นนั่นเอง ที่เขาค้นพบว่า การทำเสื้อเป็นสิ่งที่ชอบที่สุด
แม่เขาชอบแต่งตัว เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในช่วงวัยเริ่มต้น และพ่อก็ไม่ได้ขัดขวาง ..
แต่อยากให้เรียนกฎหมายมากกว่า..
อีฟ แซง โลรองต์ เป็นผู้สร้างกฎเกณฑ์ใหม่แห่งวงการแฟชั่นให้กลายเป็นเครื่องแต่งกายที่เลิศหรูอลังการสำหรับผู้หญิง และเป็นผู้กำกับเทรนด์แฟชั่นสมัยสำหรับผู้หญิง เขาถือเป็นเจ้าพ่อนักแฟชั่นผู้โด่งดังแห่งศตวรรษที่ 20 และได้รับการกล่าวขานอย่างกว้างขวางว่าเป็น เสาหลักแห่งวงการแฟชั่นยุคสุดท้าย ซึ่งรวมทั้งคริสเตียน ดิออร์ และโคโค่ ชาแนล และได้ทำให้กรุงปารีสกลายเป็นเมืองแห่งแฟชั่นโลก ซึ่งบางรายระบุว่า โลรองต์เป็นอัจฉิรยะแฟชั่นยุคหลังของศตวรรษที่ 20 โดยชาแนลเป็นอัจฉริยะในยุคแรก