
เกิด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1936 ใน Oran ในแอลจีเรีย
เส้นทางสู่การเป็นดีไซเนอร์ ชื่อก้องของ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ เริ่มขึ้นเมื่อเขามีอายุเพียง 17 ปี กับแบรนด์ดังอย่าง Christian Dior
ภายหลังจาก Christian Dior เสียชีวิต ใน ปี ค.ศ. 1957 ธุรกิจของแบรนด์ Dior ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ขณะนั้น อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ มีอายุเพียง 22 ปี ได้ช่วยกอบกู้กิจการของ Dior ไว้ได้
ภายหลังจากประสบความสำเร็จทางแฟชั่นได้ไม่นาน อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ได้ผันตัวเข้ารวมรบในสงครามประกาศอิสรภาพของ แอลจีเรีย ในระยะเวลาเพียง 20 วันในสมรภูมิ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ รับสภาวะตึงเครียดอย่างหนักไม่ได้ จนต้องเข้ารับการรักษาทางจิตเวช จนถึงขนาดต้องใช้กระแสไฟฟ้าช็อต เพื่อรักษาอาการทางประสาท
ในปี ค.ศ. 1962 อาการป่วยเริ่มทุเลา อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ เริ่มทำธุรกิจแฟชั่นของตัวเองกับ Pierre Bergé คนรักของเขาเอง ภายใต้แบรนด์ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ “YSL” ซึ่งถึงแม้ต่อมาภายหลังจะเลิกรากันไป แต่ก็ยังคงเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันอยู่
ในยุค 60 – 70 แบรนด์ “YSL” โด่งดังถึงขีดสุดด้วย การเป็นผู้นำทางแฟชั่น ด้วยเทรนด์ the beatnik look เสื้อแจ๊คเก็ตลายซาฟารี กางเกงเอวสูงฟิตเปรี๊ยะ รองเท้าบู๊ทปิดแข้ง และ ปรากฏการณ์ใหม่ในประวัติศาสตร์ทางแฟชั่นกับเสื้อสูท ทักซิโด้สำหรับผู้หญิง ในปี 1966 หรือ Le Smoking suit ซึ่งได้ไอเดียจากยุค 20 – 40
อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ และ Rive Gauche ปฏิวัติวงการแฟชั่นในปี 1966 ด้วยการสร้างแฟชั่น ready-to-wear จนถึงขั้นฮิตกันไปทั่ว
อีกทั้งยังเป็นดีไซเนอร์คนแรกที่จ้างนางแบบผิวสีเดินแบบในแฟชั่นโชว์ของตัวเอง อย่าง Loulou de la Falaise,Betty Catroux,Talitha Pol-Getty,Catherine Deneuve,และ Katoucha Niane และในช่วงรอยต่อของ 70 เชื่อมกับ 80 ต้นๆ เสื้อผ้าของ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ก็ได้ติดตลาด เป็นที่นิยมของเหล่าชนชั้นสูง
อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ เป็นดีไซเนอร์ที่ยังมีชีวิตอยู่คนแรกที่ได้รับรางวัลจาก the Metropolitan Museum of Art ในปี 1983
ในปี 2001 อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ได้รับยศ จาก ประธานาธิบดีประเทศฝรั่งเศส นาย ชาร์ค ชีรัค
จนเมื่อปี 2002 อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ได้ปลดเกษียณตัวเอง ออกจากวงการแฟชั่น และใช้ชีวิตที่ Marrakech ใน Morocco จนกระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2008 ในบ้านของเขาเองในกรุงปารีส ด้วยอายุ 71 ปี จากอาการป่วยเรื้อรัง
ผลงานในการปฎิวัติวงการแฟชั่นของเขา ได้แก่
• การพยายามผสมผสานวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวบ้านเข้ากับวัฒนธรรมการแต่งกายของชนชั้นสูงแบบโอต
์ กูตูร์ ความคิดแหวกแนวดังกล่าวนี้เป็นเหตุให้เขาถูกให้ออกจากห้องเสื้อโอต์ กูตูร์ ของChristian Dior ในปีค.ศ. 1960
• เป็นผู้ออกแบบเสื้อคอเต่า (Turtleneck) และเสื้อแจ็กเก็ตสําหรับขี่รถจักรยานยนต์ และ Bubble Skirts
• เป็นผู้นำในการออกแบบชุดทักซิโด และชุดกางเกงทำงานสําหรับผู้หญิงซึ่งเป็นภาพที่ยังไม่เคยมีปรากฏในสมัยนั้น ถึงขนาดที่ในปีค.ศ. 1968 เมื่อแนน เคมป์เนอร์ (Nan Kempner) สาวสังคมอเมริกันเดินถูกห้ามเข้าภัตตาคารเริ่ดหรูในนิวยอร์คเพราะสวมกางเกง YSL!
• ในปีค.ศ. 1967 แซ็งต์ ลอร็องต์ ช็อควงการบันเทิงด้วยการออกแบบคอสตูมที่ดูคล้ายกับชุดทหารให้กับแคธเธอรีน เดอนูฟ ในภาพยนตร์เรื่อง Bell de Jour ชุดของเขาถูกมองว่าเป็นสิ่งแปลกประหลาดและผิดยุคมากในสมัยนั้นที่ผู้หญิงจะลุกขึ้นมาแต่งตัวในรูปแบบเดียวกับผู้ชาย
• การออกแบบชุด See Through ของเขาในปีค.ศ. 1968 ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สําคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์แฟชั่น
• แซ็งต์ ลอร็องต์เป็นทั้งบิดาแห่งเมโทรเซ็กซวลและตัวป่วนวงการแฟชั่นแห่งยุคสมัย ในการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรี แซ็งต์ ลอร็องต์พยายาม ทําให้สตรีมีความเป็นบุรุษ แต่ในการออกแบบเครื่องแต่งกายบุรุษ แซ็งต์ ลอร็องต์กลับพยายามทําให้บุรุษมีความเป็นสตรี
• เช่น นำผ้ากํามะหยี่มาใช้ในการตัดชุดผู้ชาย ใช้ผ้าไหมหลากสีเป็นผ้าพันคอสำหรับผู้ชาย กระบวนการที่กลับกันในการออกแบบของเขาถือเป็นต้นแบบของการออกแบบเครื่องแต่งกายที่ไม่จําแนกเพศ (Uni-sex Dress)
• นอกจากนี้เขายังทําลายปราการเหยียดผิวในธุรกิจแฟชั่น โดยการริเริ่มให้นางแบบผิวดําเดินแฟชั่นโชว์ ทำให้นางแบบผิวดำและนางแบบผิวสีต่างๆ ได้มีโอกาสแจ้งเกิดบนเวทีแฟชั่นระดับโลก จากเดิมที่จำกัดเฉพาะคนขาวเท่านั้น
• ในปีค.ศ.1996 เขาได้ริเริ่มการจัดแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าโอต์ กูตูร์ที่มีการถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เนท